🔥 เดี๋ยวนี้สายโปรแกรมเมอร์สายเว็บคนนึงอาจจะไม่ได้มีความรู้แค่ 𝗙𝗿𝗼𝗻𝘁 𝗘𝗻𝗱 หรือ 𝗕𝗮𝗰𝗸 𝗘𝗻𝗱 อย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ให้ครบตั้งต้นต้นจนจบงาน วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า “𝗙𝘂𝗹𝗹 𝗦𝘁𝗮𝗰𝗸” กัน 😍
.
นักพัฒนาเว็บที่ทำงานเป็น 𝗙𝘂𝗹𝗹 𝗦𝘁𝗮𝗰𝗸 ก็คือคนที่มีความรู้ทั้งด้าน 𝗙𝗿𝗼𝗻𝘁 𝗘𝗻𝗱 และ 𝗕𝗮𝗰𝗸 𝗘𝗻𝗱 นอกเหนือไปจากความรู้เกี่ยวกับ 𝗛𝗧𝗠𝗟 และ 𝗖𝗦𝗦 ที่เป็นพื้นฐานใช้ทำเว็บแล้ว ก็ยังต้องมีความสามารถเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมควบคุมการใช้งาน 𝗯𝗿𝗼𝘄s𝗲𝗿, 𝘀𝗲𝗿𝘃𝗲𝗿 และ 𝗱𝗮𝘁𝗮𝗯𝗮𝘀𝗲 ✨
.
🧰 ซึ่งการทำงานเป็น 𝗙𝘂𝗹𝗹 𝗦𝘁𝗮𝗰𝗸 พอเป็นที่นิยมมีคนทำเยอะ ๆ เข้า ก็เลยมี “𝗦𝘁𝗮𝗰𝗸” หรือก็คือชุดเทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมในการใช้ทำ Full Stack ออกมาหลาย Satck ด้วยกัน โดยวันนี้แอดจะหยิบตัวที่ชื่อเล่นว่า “𝗠𝗘𝗔𝗡” มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน ❤
.
⭐ 𝗠𝗘𝗔𝗡 นั้นเกิดจากการนำตัวอักษรแรกของแต่ละเทคโลยีใน Stack มาต่อกัน โดยประกอบด้วย
.
⚡ 𝗠𝗼𝗻𝗴𝗼𝗗𝗕 - Document database ซึ่งเป็น NoSQL ประเภทนึง ใช้สำหรับเก็บข้อมูลในฝั่ง Back End ในรูปแบบของ JSON
.
⚡ 𝗘𝘅𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀.𝗝𝗦 - Back End Framework บน Node.js ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดตัวนึง
.
⚡ 𝗔𝗻𝗴𝘂𝗹𝗮𝗿 - Front End Framework ในภาษา JavaScript ที่พัฒนาโดย Google
.
⚡ 𝗡𝗼𝗱𝗲.𝗝𝗦 - JavaScript Runtime Environment ใช้สร้างแอพพลิเคชันในส่วนของ Back End
.
จากเทคโนโลยีแต่ละตัวใน 𝗠𝗘𝗔𝗡 ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเป็นภาษา JavaScript ทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนหลายๆภาษา และทุกตัวใน Stack นั้นสามาถใช้งานได้แบบ 𝗼𝗽𝗲𝗻 𝘀𝗼𝘂𝗿𝗰𝗲 ทำให้มีกลุ่มผู้ใช้ขนาดใหญ่ ถ้ามีปัญหาติดขัดตรงไหนก็สามารถหาข้อมูลเจอได้ไม่ยาก 👌
.
👉 นอกจาก MEAN แล้วก็ยังมี Full Stack อื่น ๆ อีกหลายตัวที่เป็นที่นิยมอย่างเช่น LAMP, LEMP และ MERN ถ้าเราเลือก Stack ที่เหมาะกับงานและความถนัดของเรา นอกจากจะทำงานออกมาไวแล้วก็น่าจะทำให้มีความสุขกับการทำงานเป็น Full Stack ได้อีกด้วยนะ 😍
.
#BorntoDev - 🦖 Coding Academy ให้การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน